สวัสดีชาวสบายจิตต์ทุกท่าน บล๊อคแรกนี้ทางสบายจิตต์อยากจะขอนำเสนอและร่วมแชร์ความรู้เกี่ยวกับเนื้อผ้าในรูปแบบต่างๆ รวมถึงวิธีการดูแลผ้าให้สวย คงทนและอยู่กันเราไปได้นานค่ะ
ส่วนแรกนั้นถ้าไม่เอ่ยถึงคงไม่ได้คือ ชนิดผ้าที่ทางเราใส่ใสดูแลในทุกขั้นตอนการเลือกสรรเพื่อให้มีความแตกต่าง และให้เพื่อให้คุณลูกค้าทุกคนได้รับชุดที่มีคุณภาพมากที่สุดค่ะ
ชนิดของผ้าที่ทางสบายจิตต์เลือกใช้นั้นมีมากมายหลายรูปแบบเพื่อให้เข้ากับคัตติ้งในแต่ละชุดและเพื่อให้ลูกค้าของเราใส่สบายในทุกโอกาส แต่ส่วนมากเราชนิดผ้าที่เราใช้นั้นสามารถแบ่งเป็นประเภทหลักๆได้ 4 แบบค่ะ
1. ผ้าฝ้าย (Cotton)
เป็นผ้าที่ทำมาจากการนำเส้นใยของปุยฝ้า มาปั่นจนเกิดเป็นเส้นด้ายแล้วนำมาทอ หรือถัก ให้เป็นผืนผ้า สมบัติของผ้าคอตตอน (Cotton) คือยับง่าย รีดยาก หด และย้วย แต่บางเบา ถ้าหากนำไปผลิตเป็นเครื่องนุ่งห่ม จะใส่สบาย โดยปัจจุบันมีกระบวนการในการผลิตเส้นด้ายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คุณภาพของฝ้ายนั้นดีขึ้น ทำให้เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ผ้าฝ้ายสามารถดูแลรักษาได้ง่าย ซักได้ทั้งเครื่องซักผ้า และซักมือ รีดในอุณหภูมิที่สูงได้ ไม่ไหม้ หรือเกิดการหดตัว แต่อาจจะขึ้นราได้ง่ายเนื่องจากเป็นใยฝ้าย นอกจากนั้นยังสามารถติดไฟได้ เวลาไหม้ลักษณะจะเหมือนกระดาษไหม้ ไม่มียางเหนียว เป็นขี้เถ้า เหมาะสำหรับชุดที่เน้นการใช้งานที่เรียบง่าย ในโอกาส สบาย สบาย และต้องการพริ้วไหวเป็นพิเศษ
2. ผ้าลินิน (Linen)
เป็นผ้าที่ผลิตจากเส้นใยของต้นลินิน หรือต้นแฟล็กซ์ (flax) แล้วนำมาปั่น จนได้เป็นเส้นด้าย จากนั้นนำมาทอ หรือถัก จนเกิดเป็นผืนผ้า ลินินเป็นเส้นใยธรรมชาติที่มีความคงทน และแข็งแรงที่สุด โดยคุณสมบัติของผ้าลินินจะยับง่าย ซักได้ สามารถ รีดได้ที่อุณหภูมิสูง ลักษณะของผ้าจะมีความมันเงาสวยงาม ผิวเรียบแข็งคงรูป ดูดซึมน้ำได้ดี และติดไฟได้ เวลาไหม้จะเหมือนกระดาษ หากจะพับผ้าลินินต้องใช้การม้วนเท่านั้น เพราะหากพับเส้นด้ายอาจหัก หรือเสียทรงได้ ซึ่งเหมาะกับการตัดชุดที่ต้องการการคงรูปหรืออยู่ทรง หรือสำหรับคุณลูกค้าที่ต้องการความเรียบหรู และมีราคาที่ค่อนข้างสูง
3. ผ้าไยสังเคราะห์ (Polyester)
เป็นผ้าที่ได้มาจากสังเคราะห์โดยกระบวนการรวมตัวของสารปิโตรเคมี จำพวกเอทานอล ผ่านกรรมวิธีทางเคมี จนเกิดเส้นด้าย จากนั้นจึงผ่านกระบวนการถัก หรือทอเป็นผืนผ้า โพลีเอสเตอร์เป็นเส้นใยที่ผลิตขึ้นมาเพื่อให้มีคุณสมบัติคล้ายฝ้าย ลักษณะ เป็นเส้นใยยาวนุ่ม เงามัน ดูดความชื้นได้น้อย ผ้ามีความเบาบาง ยับยาก และจับจีบได้ แต่เมื่อใส่ไประยะหนึ่ง ผ้าจะเกิดขุย แต่มีสีสันที่หลากหลายและใช้งานง่ายกับทุกโอกาส ซึ่งผ้าชนิดนี้จึงมีราคาต่ำเมื่อเทียบกับชนิดผ้าอื่นๆ
4. ผ้าไหม (Silk)
ผ้าทำมาจากไหมซึ่งเป็นโปรตีนธรรมชาติจากรังไหม นำมาปั่นจนได้เป็นเส้นด้าย และนำมาทอ หรือถักเป็นผืนผ้า คุณสมบัติของผ้าไหม คือมีความนุ่มมือ เงางามจับตา ไม่ยับง่าย หรือไม่ยับเลย คงสภาพของผ้าได้ดี ดูดความชื้นได้ดีพอสมควร ใส่สบาย และสามารถปรับอุณหภูมิได้ หากใส่ในฤดูหนาวจะรู้สึกอบอุ่น นอกจากนั้นยังสามารถติดไฟได้ เวลาผ้าไหม้จะหด และไหม้เป็นขี้เถ้าการทำความสะอาดต้องซักด้วยสบู่ที่มีฤทธิ์อ่อนเท่านั้น เพราะผงซักฟอกที่มีกรดแรงจะทำลายเนื้อผ้า การรีดต้องนำมาฝ้ายมารองก่อนรีด โดยผ้าไหมจะเหมาะสำหรับชุดที่ต้องการความหรูหราเป็นพิเศษ
นอกจากผ้าทั้ง 4 ชนิดนี้แล้วที่ทางสบายจิตต์ได้คัดสรรมาให้ลูกค้าของเรา ทางเรายังมีเนื้อผ้ามีมากมายเพื่อเป็นตัวเลือกอื่นๆแก่คุณลูกค้า โดยผ้าแต่ละชิ้นจะมีจำนวนจำกัด ทั้งสีและแบบ ซึ่งจะทำให้คุณลูกค้าดูพิเศษมากยิ่งขึ้นในแต่ละวัน ส่วนวิธีการดูแลรักษานั้นทางเราได้จัดเตรียมและแบ่งประเภทต่างๆให้ทางลูกค้าทุกคนโดยจะอยู่ที่ป้ายกระดาษของทางร้าน เพื่อให้คุณได้มั่นใจว่าเราใส่ใจดูแลคุณอยากสม่ำเสมอ
เพราะคุณเป็นคนสำคัญในทุกๆวันเสมอ "Show your Taste, Make you Grace"
